Monday, May 24, 2010

จากปัญหาการเมืองครั้งนั้นสู่ครั้งนี้

เคยคิดเล่นๆเปรียบเทียบข้อดีร้ายของปัญหาการเมืองที่ เกิดขึ้นกับไทย สองครั้งสองครา เหตุการณ์ในครั้งนี้มันบาดลึกในความรู้สึกมากกว่าเหตุการณ์ในครั้งนั้น

ปัญหาการเมืองในครั้งนี้ส่งผลหนักสุดคือเรื่องความเชื่อมั่นซึ่งอาจลากยาวไปที่การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนได้ แต่ถ้าฟื้นฟูความเชื่อมั่นได้สำเร็จ ผลร้ายอาจไม่แรงอย่างที่ใครหลายๆฝ่ายกังวลกัน

ส่วนปัญหาการเมืองในครั้งก่อนโน้น เราถูกปิดช่องทางการส่งออกสินค้าและบริการทั้งหมด ของจะขาย คนจะมาเที่ยว ทุกๆอย่างมันต้องผ่านสนามบินเป็นช่องทางหลัก ฉะนั้นเมื่อสนามบินถูกปิดเราจะส่งออกสินค้าและบริการอย่างไร

โดยปกติโครงสร้าง GDP ฝั่ง Demand Side ของประเทศไทย ดุลการค้าและบริการ (X-M) เป็นสิ่งที่มี contribution ต่อ GDP มากที่สุด ฉะนั้นเมื่อ X-M หายไปเกือบยกก้อนจึงมีผลรุนแรงอย่างมากต่อ GDP

เมื่อย้อนมาดูเหตุการณ์ปัญหาการเมืองในครั้งนี้ การชุมนุมที่เกิดขึ้นหรือการกระทำต่างๆของผู้ชุมนุมนั้นไม่ได้ทำลายระบบ logistic ทั้งประเทศ เพียงแต่ทำให้การขนส่งบริเวณกรุงเทพและเขตปริมณฑลบางส่วนชำรุด แต่ช่องทางส่งออกสินค้าและบริการไม่ได้ถูกปิดตายยังสามารถทำงานของมันตามกลไกได้ตามปกติ ฉะนั้นจึงมองว่าผลกระทบที่มีต่อ GDP โดยทันทีมันไม่รุนแรงกว่าเหตุการณ์การชุมนุมทางการเมืองในครั้งก่อนโน้น

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ปัญหาการเมืองในครั้งนี้มีข้อเสียมากกว่าครั้งนั้นคือ "เจ็บน้อยแต่เจ็บนาน" มากกว่าครั้งนั้นแน่นอน หากภาครัฐยังไม่สามารถฟื้นฟูความเชื่อมั่นของทุกๆฝ่ายที่เกี่ยวข้องให้ฟื้นคืนมาได้

No comments:

Post a Comment